
คุณเคยมีอะไรมากมายอยู่ในความคิดเดียวกันไหม
อะไรๆเหล่านั้นที่ทำให้คุณคิดไม่ออกว่า
เรื่องไหนควรคิด และ เรื่องไหนไม่ควร?
ผมชื่อลุงหนวด จริงๆก็ไม่ได้ชื่อหนวดหรอกแต่ผมชอบที่จะชื่อลุงหนวด
เพราะชื่อนี้มันตรงกับความเป็นตัวตนของผมที่คนเขามองจากภายนอก
มันดูสอดคล้องกับลักษณะทางกายภาพที่เขาเลือกจะมองตัวของผมในแบบนั้น
งั้นสวัสดีครับ ผมชื่อ”ลุงหนวด”
ผมเป็นสิ่งมีชีวิตความจำเล็กๆขนาดยาว
ที่ชอบไล่จดจำเรื่องราวต่างๆสะสมไว้เป็นประสบการณ์
บางเรื่องสั้นยืดยาวขนาดที่ว่า น่าสนใจกว่ามาก ..หากจะลืมมันไปเสีย
บางเรื่องแสนยาวแต่กลับมีความทรงจำสั้นๆ และน่าเบื่อเกินกว่าจะอธิบายให้ใครฟัง
ชีวิตของผมและใครๆเดินทางด้วยลมหายใจที่มีอยู่
จวบจนวันที่ต้องหยุดเดิน จากลมหายใจที่หยุดลง
ประสบการณ์ของผมคือความผิดถูกซ้ำๆจากตัวเองและคนอื่น
มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมเชื่อถือสูสีกับสัญชาตญาณ
ผมชอบสะสมมันให้ยืดยาวเพื่อใช้ในตัดสินใจกับสถานการณ์สั้นๆ
น่าแปลกว่า…ทั้งๆที่รู้ว่าชีวิตยืดยาวของเราช่างแสนสั้น
วันพรุ่งนี้กลับเดินทางมาถึงอย่างเป็นอนันตกาล

เช้านี้เป็นเหมือนอีกหลายๆเช้าที่ผมต้องออกไปทำงาน
เพื่อพบกับสภาพการจารจรในชั่วโมงเร่งด่วนที่คุ้นเคย

มันเริ่มต้นด้วยอารมณ์จำเจจากการลุกจากที่นอน
ที่ต้องใช้พลังความฝืนมากกว่าสิ่งใดๆในตอนเช้า และถูกทำซ้ำๆในทุกๆวันที่ลืมตา

ความง่วงเข้ามาสิงเราอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้งในตอนบ่าย
หลังมื้ออาหารระหว่างพักเที่ยง
มันอาจเป็นผลจากความสนุกปากของเรา
วันนั้นจบด้วยการเดินทางกลับบ้านแล้วนอนหลับ
“การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากทำ
แต่ทำไม่ได้ในการเดินวงรอบการทำงานบนหน้าปัดนาฬิกาชีวิต”

ชีวิตมนุษย์เงินเดือน ทำงานที่ออฟฟิต บริษัท หรือ หน่วยงานรัฐ เอกชน
คงมีความต่างที่เหมือนกัน
เวลาในนาฬิกาถูกเดินเป็นวงรอบที่เท่ากัน ผมชอบคิดในใจเล่นๆว่า
บางครั้งที่ผมอ้าปากหาว อาจมีคนทำเช่นเดียวกันกับผม
ไม่ต้องนับรวมทั้งโลกนี้หรอก เอาแค่ประเทศนี้ก็พอ
ประสาอะไรกับความคิดในประโยคคำถาม ที่ไม่ถามก็รู้คำตอบแบบนี้ล่ะ
คำถามที่เกี่ยวกับ
“การใช้ชีวิตที่เราทำมันในรูปแบบของเราในทุกๆวัน”
ผับผ่าสิ ผมชอบตั้งคำถามเป็นบ้า!

ผมชอบที่จะตื่นเช้าขึ้นมาเฉยๆ นั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นเงียบๆ
เพราะดวงอาทิตย์มีความแยบยลที่ทำให้แสงแดดในแต่ละวันไม่ซ้ำกัน
แม้จะมี sunspot (จุดดำบนดวงอาทิตย์)กระจายไปมากขึ้นทุกที
แต่กลับทำให้คนบนดาวดวงนี้รู้สึกไม่ได้

ไม่ว่าทฤษฎีการเกิดดวงอาทิตย์ที่เกิดจากแรงดึงดูด
ของธุรีทีละก้อนรวมตัวจนเหวี่ยงสสารให้หลุดกระจายเป็นดาวเคราะห์
ดาวฤกษ์ดาวแคระขาวกี่ดวงก็ตาม กลับไม่ทำให้แรงดึงดูดนั้น
ดูดรวมตัวตนของผมจนสลัดเหวี่ยงให้หลุดออกมาทีละก้อน
เป็นตัวผมขึ้นใหม่ได้บ้างสักที

กาแฟเช้านี้น่าจะมีคาเฟอีน ประมาณ 0.10 - 0.15 กรัม
ซึ่งเป็นจำนวนไม่ต่างจากโคเคนมากนัก
กาแฟก็คือโคเคนชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เวลายาวขึ้นจากความกระตือรือร้น
ที่เต้นด้วยจังหวะที่ฉี่ยิบ
แต่จะมีความหมายอะไร
หากผมดื่มกาแฟจนเป็นนิสัย
ตอนนี้ผมหลุดจากวงจรการเรียนแล้ว
และกำลังจะก้าวสู่มหาวิทยาลัยอีกที
เครื่องแบบของการเรียนชอบตอกย้ำความรู้สึกรับผิดชอบ
ต่อสถานะลูกของผมสิ้นดี
เช้านี้ไม่มีกิจกรรมใดๆมากไปกว่าการนั่งดูแดดตอนเช้าอย่างเงียบๆ

“การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากแต่ทำไม่ได้หากคิดจะจิบกาแฟสักถ้วย”
ดัชนีหักเหของสเปกตรัมของแสงในอากาศโดยรอบของผม และ
น้ำในแก้วกาแฟ อาจมีต่างกันมากกว่า 0.33
แต่กลับไม่มีผลอะไรเลยหากการมองจากน้ำหรือบนบกของผม เป็นมุมมองเดียวกัน
ผมชอบที่จะฟัง เสียงเป็นวัตถุดิบที่ผมจะไม่ใช้ความทรงจำของการอ่าน
และการมองมาตัดสิน!

Dang man! ผมไม่สนว่านาฬิกาตอนนี้เวลาเท่าไหร่ แต่ทำไมผมถึงปวดฉี่ได้ขนาดนี้

เบื่อแสงแดดตอนเช้าที่สุดมันเป็นแดดที่ผมเสียดาย
เพราะหากผมเดินไปตากแดดตอนเช้าสักหน่อยแสงแดด
จะเปลี่ยนไขมันของมันเป็นวิตตามินดี
ผมเคยอ่านเจอในนิตยสารvogue
ทั้งๆที่รู้แต่กลับไม่เคยตื่นทันเพื่อเปลี่ยนแปลงไขมันนั้นสักทีเลย
นีอาจเป็นเหตุผลเล็กๆที่ผมยังไม่เฟอร์เฟคทั้งที่มันควรจะเป็น
แอร์ในห้องนอนเย็นมาก แต่ไม่พอกับอากาศดีๆที่ญี่ปุ่น
โตเกียวตอนนี้คงอุณหภูมิติดลบเก้าองศา
ญี่ปุ่นในช่วงต้นปีใหม่น่าเที่ยวที่สุด มีเทศกาล
เซยินโนะหิ ที่มีโอกาสเห็นชายอายุ20 ใส่ ฮาโอริ และ ตามด้วยกิโมโน
จากหญิงสาวในพิธีบรรลุนิติภาวะของคนที่นั่น
หลังจากนั้นไม่นานอากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ
เทศกาลหิมะที่เกาะฮ็อกไกโดจึงเป็นการต้อนรับหิมะได้เป็นอย่างดี
เทศกาลนี้กลายเป็นสากลของหิมะไปแล้ว
ไหนจะพิธีโปรยถั่วแดง(เส็ตซึบุง)ในต้นเดือนกุมพาพันธ์อีกล่ะ
ฝันกึงหลับกึงตื่นตอนนี้คือผมใส่ชุดฮาโอริและกุมเป้าปวดฉี่

ไม่นะ อย่าเพิ่งปวดตอนนี้ผมกำลังฝันดีอยู่
ไม่แน่“การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากแต่ทำไม่ได้
หากเช้าที่ปวดฉี่ถูกครอบงำไปด้วยการขี้เกียจลุกไปเข้าห้องน้ำ”
Awwww.. ผมจะต้องหาห้องน้ำในฝันให้เจอในชุดฮาโอริ
เพราะห้องน้ำในชีวิตจริงไกลจากเตียงเกินไป
ไม่แน่ตอนนั้นผมอาจลืมปวดไปแล้วก็ได้
“ผมใช้สายตาเก่งกว่าเรื่องไหนๆ
ตาผมไวกว่าความรู้สึกเสียอีกแม้จะใส่แว่นกันแดดนอนก็เถอะ
ต้องหาห้องน้ำในฝันเจอสิ บ้าจริงผมคิดอะไรของผมอยู่
เอาเถอะนอนสักพักเดี๋ยวก็ลืมปวด”

บุหรี่กี่ตัวแล้วนะ ที่ฉันสูบหลังจากมีเซกส์
ฉันเบื่อการตื่นขึ้นมาข้างๆผู้ชายที่ฉันไม่ได้รักที่สุด

เขาสร้างความสุขให้กับฉันได้แค่ตอนที่ปุ่มคริสตอริสถูกสัมผัสเท่านั้น
อ้อมกอดของเขาไม่เคยมีความหมาย ฉันไม่เคยเจออ้อมกอดที่มีความหมายจากชายใด

หมอบอกให้ฉัน DIY ( Do it yourself ) หากเซกส์เสื่อม
ฉันพยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ ทำไมกัน?
เช้านี้เป็นอีกเช้าที่ฉันนอนไม่หลับ
ฉันต้องปิดผ้าม่านลงเพื่อสร้างความมืดดั่งตอนกลางคืน
น้อยครั้งที่ความมืดจริงๆทำให้ฉันหลับได้
ฉันอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านของการคืนกับกลางวันเสมอ
บางทีก็ไม่ได้หลับ “การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากแต่ทำไม่ได้หากนอนไม่หลับ”
สิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้คือหมอกควันบุหรี่ที่วาดถึงผู้ชายสักคน
ที่จะฉันจะมีเซกส์กับเขาด้วยความรู้สึกรัก
โดยฉันถูกสวมกอดอย่างรู้สึกรัก
และ ทิ้งเขาไปเพื่อความรู้สึกอกหักที่ฉันไม่เคยได้รับรู้
ฉันไม่ใช่คนสวยมากเท่าไหร่
แต่หลายคนก็บอกว่าฉันคล้ายกระต่ายน้อย มาร์รีลีน มอนโร
คงเพราะไฝบริเวณปากของฉันแน่ๆ ที่ทำให้ดูน่าดึงดูดมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ
ปากของฉันคือของมีค่า มันแสดงความเป็นฉันทั้งหมด มันคือเรื่องราวบอกต่อของฉัน
และมันคือเครื่องมือบางอย่างที่ทำให้ผู้ชายที่มีสัมพันธ์กับฉันหลงไหล

ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร และผ่านอะไรมาบ้าง
ต่อบุหรี่เพื่อนสนิทของฉันมีชีวิตก็คงไม่มีทางรู้
ฉันดีดบุหรี่ทิ้งด้วยความชำนาญของนิ้วคีบ และเหยียบมันจนดับ
มันหมดหน้าที่สร้างความสุขให้ฉัน
และหมดประโยชน์เช่นเดียวกับเซกส์เมื่อคืน
ผ้าม่านสีสว่างขึ้นทุกทีจากแดดกระทบ ฉันจะนอนตอนที่แสงนั้นเบาบางที่สุด
ฉันพยายามหลับ พอๆกับการ DIY และไม่มีทางรู้ว่าอะไรยากกว่ากัน

ปาท่องโก๋ กับโอเลี้ยงตอนเช้า
ไม่อร่อยเท่ากินกับถั่วลิสงค์ หนังสือพิมพ์ทุกวันนี้ก็ “เฮงซวย”
ข่าวการเมืองหลอกๆสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศนี้ ทำไมเราต้องซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ตามๆกัน
ผมมันชราภาพและขี้เกียจเกินกว่าจะเดินไปไกลกว่าร้านอาแป๊ะนี่ ปากซอยไม่เคยรับหนังสือพิมพ์ดีๆมาสักที
สื่อมวลชนทุกวันนี้ถูกผูกขาดด้วย ข่าวห่วยๆ ภาพข่าวห่วยๆ และการพาดหัวที่เกินจริง

วิทยุธานินทร์ของอาแป๊ะมีอยู่ 2 เครื่อง
เครื่องนึงใช้ถ่านขนาด D 1.5V 3 ก้อน อีกเครื่องใช้ 4 ก้อน
ยุคสมัยเปลี่ยนวิทยุธานินทร์ของแป๊ะก็เปลี่ยนไปเพราะเหนื่อยที่จะจ่ายเงินกับค่าถ่าน
ถ้าจะเปลี่ยนเป็นเสียบปลั๊กก็ต้องแปลงหม้อเพลงให้ได้ไฟเท่ากับ4.5โวลต์ และ 6 โวลต์
สู้ซื้อวิทยุใหม่ดีกว่า
แม้รักวิทยุธานินทร์มาก
แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปแปะทิ้งไว้ให้มันเป็นอนุสรณ์การฟัง
วิทยุโซวี่จากจีนแดง จึงเข้ามาทำหน้าที่แทนธานินทร์แท้
มันเหมือนโซนี่ทุกอย่างเพียงแต่ชื่อโซวี่
คลื่น100.25 คือพระเอกที่ขับกล่อมรายการเพลงลูกกรุง
ลูกทุ่งดีๆที่หายากจากการก่อกวนจากคลื่นสตริง
ผมจำได้ไม่แน่ชัดว่า คุณพัชรินทร์เป็นคนจัดรายการตอนใด
เพราะไม่ได้มากินโอเลี้ยงทุกวัน
การฟังวิทยุทุกวันนี้มันน่าเหนื่อยหน่าย
สมควรแล้วที่บ้านของผมมีเพียงเครื่องเล่นแผ่นเสียงปากแตรโบราณ
ที่ใช้การได้บ้างไม่ได้บ้าง
การฟังเพลงบ่อยๆอาจทำให้มันไพเราะน้อยลง
วิทยุที่มีแต่ข่าว ทีวีที่มีแต่ข่าว หนังสือพิมพ์ที่มีแต่ข่าว
ทำให้เด็กสมัยนี้เหมือนจะมีสาระ
แต่มันน่าตลกสิ้นดีที่ข่าวมักซ้ำกัน ปรับเปลี่ยนเพียงแค่ใครเป็นคนเอามาเล่า
หนังสือสี่ห้าฉบับมีข่าวเดียวกัน
มันน่าหัวเราะเยาะพอๆกับวิทยุที่เพลงดีๆเหลือน้อยลงทุกที
อาแปะแกโชคดีกว่าผมตรงที่หูตึงกว่า แก่กว่า
และสายตาฟ่าฟางจนอ่านหนังสือไม่สนุก
การเปิดเพลงของแปะมีนัยยะ
เพียงแค่หาเพื่อนสักเสียงที่คอยอยู่เป็นเพื่อนในยามชงกาแฟ หรือ โอเลี้ยงตอนเช้า

อีแก่ของผมตอนนี้คงกำลังเดินไปมาอยู่ที่บ้าน
การใช้ชีวิตคู่กันมาได้นานขนาดนี้ต้องใช้ “วินัย และ ความอดทน”มากกว่าความรัก
แก่ลงแล้วก็แค่ปิดหูปิดตากันคนละข้างสองข้างก็อยู่กันได้
แม้รู้อย่างนั้นผมกับอีแก่ก็เลือกจะเปิดตามากกว่าสองทะเลาะกันจนเป็นนิสัย
ชีวิตในวัยรุ่นสนุกสนานได้เพียงวัยรุ่น ชีวิตวัยเด็กไร้เดียงสาระได้เท่าที่ยังเป็นเด็ก
การทำตัวไม่สมกับวัยก็เท่ากับว่าเราได้ฝ่าฝืนความเป็นธรรมชาติ
ยิ่งหากร่างกายของเรา หน้าตาไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมฝ่าฝืนอีกยิ่งแย่
ถ้าแก่แล้วยังทำเหมือนวัยหนุ่มเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ จีบผู้หญิงไม่เลิกก็เป็นไอ่เฒ่าหัวงู ตัณหาจัด
ถ้าปล่อยไปตามสภาพก็กลายเป็นไอ่แก่ขี้บ่นเหมือนที่เมียผมด่าทั้งที่อีแก่ก็ไม่แพ้กัน
ตอนเด็กๆไม่เข้าใจคนแก่ว่าทำไมชอบบ่น
พอแก่ตัวมาถึงรู้ว่าคนแก่ที่นิสัยดีๆมักจะเป็นคนเงียบๆนั่นเอง
ถ้าธรรมชาติของการบ่นแสดงถึงความเป็นห่วงจากการผ่านโลกมาเยอะของคนแก่แล้วล่ะก็
มันคงไม่หมดห่วงง่ายๆถ้ายังไม่หนีออกจากวงจรความห่วงนี้สะ
หันหน้าเข้าวัด หรือ พักผ่อนจนกว่าจะปล่อยวางสังขารได้
เข้าใจและยอมรับมันเป็นครั้งสุดท้าย
ก็คงเหมือนการนอนหลับ ที่หากปล่อยไปตามความง่วงแล้วมันก็แค่หลับ ยิ่งฝืนมันยิ่งง่วง
ยิ่งง่วงยิ่งไม่อยากหลับ ยิ่งไม่อยากหลับมันยิ่งหลับ
“การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากแต่ทำไม่ได้ในตอนตื่น
เพราะนั่นคือชีวิตที่ต้องลืมตามาเพื่อคนที่เราเป็นห่วงเป็นใย”
สายตาผมฟ่าฟาง หูผมตึงจนต้องให้คนอื่นพูดซ้ำ
แต่ผมหัวใจผมยังหนุ่ม มีเพียงจมูกเท่านั้นที่ทำให้ผมรู้สึกกับการใช้ชีวิต
เพราะเมื่อผมแก่ลงกลิ่นไม่เคยจางไปจากจมูก
อาหารที่ผมชอบทำไม่ได้อร่อยจากลิ้นที่เสื่อมปุ่มประสาท
แต่หากอร่อยจากจมูกที่จำได้ว่าการปรุงแบบนี้เข้าที่ เข้าทาง
ผมเชื่อมาตั้งแต่เด็กๆและมันก็ไม่เคยผิดว่า
จมูกคือสิ่งที่ผมจะบ่งบอกใครต่อใครได้จากกลิ่นกาย และ
กลิ่นต่างๆที่อยู่รายรอบเขา
“ผมดีใจ การเมือง และเรื่องราวในชีวิต
ไม่ทำให้กลิ่นของอะไรๆเปลี่ยนไป ผมชอบกลิ่นหนังสือพิมพ์ตอนเช้าที่สุด ”

ลุงหนวด
“ถ้าวันพรุ่งนี้เดินทางมาถึงอย่างช้าๆ
วันนี้ก็จะกลายเป็นอดีตอย่างช้าๆ
อดีตที่จำเจที่สุดซึ่งถูกทับถมไปด้วยเรื่องราวดีร้าย
และถูกลืมละไว้บนเตียงนอนของผม จนหยิบขึ้นมาจำในบทบาทใหม่ในตอนเช้า”
แจ๊กกี้ จ่อย
“ ความสว่างของกลางคืน ถูกประดับด้วยดาวฤกษ์ซึ่งเกิดจาก ”เนบิวดา”
และสลายตัวเป็นหลุมดำ
พรุ่งนี้แดดจะเปลี่ยนสีอีกครั้ง แม้ผมจะยังเหมือนเดิม ”
แมน
“ เมื่อไหร่ผมถึงจะเลิกตื่นสายได้นะ เตียงมันมีอะไรนักหนา
ผมมองไม่เห็นเสน่ห์ของมันยามที่หายง่วงเลยสักนิด
เจ็ดโมงเช้าของใครๆเท่ากับเวลาเที่ยงครึ่งของผม
น่าเสียดายที่การกินโจ๊กเป็นสัมปทานของมื้อแรกตอนเช้า ไม่ใช่มื้อแรกตอนเที่ยง”
สาว
“ DIYประสบความสำเร็จแต่ฉันไม่ชอบนัก มันมีความสุขตามอารมณ์ตัวเองก็จริง
แต่มันขาดอ้อมกอดในขณะที่ฉันลืมตาตื่น
กอดปลอมๆของชายที่ฉันไม่ได้รักเหล่านั้นยังดีกว่าการกอดตัวเองในขณะลืมตาตอนนี้ ”

ลุงขวด
“ ผมมองผ่านตัวเองจากความแก่ไปยังตอนอายุน้อยๆว่า
คำถามเกี่ยวกับชีวิตนั้นมีไว้ให้ค้นหา
ม้นบ้าบอและเสียเวลาที่สุดถ้าการค้นหานั้น
ได้แต่เฝ้าถามตัวเองแทนการเปิดโลกกว้าง
เหมือนผมเสียเวลากินกาแฟมาจนแก่ เพิ่งรู้ว่าตัวเองชอบกินโอเลี้ยง
กว่าเขาจะเจอสิ่งๆที่ค้นหาก็คงต้องหลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวเองไปก่อน
..แล้วค่อยว่ากัน..”
ลุงหนวด
ประสบการณ์ของผมคือความผิดถูกซ้ำๆจากตัวเองและคนอื่น
มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมเชื่อถือสูสีกับสัญชาตญาณ
ผมชอบสะสมมันให้ยืดยาวเพื่อใช้ในตัดสินใจกับสถานการณ์สั้นๆ
น่าแปลกว่า…ทั้งๆที่รู้ว่าชีวิตยืดยาวของเราช่างแสนสั้น
วันพรุ่งนี้กลับเดินทางมาถึงอย่างเป็นอนันตกาล
คุณเคยมีอะไรมากมายอยู่ในความคิดเดียวกันไหม
อะไรๆเหล่านั้นที่ทำให้คุณคิดไม่ออกว่า
เรื่องไหนควรคิด และ เรื่องไหนไม่ควร?
ผมว่าตอนนี้คุณมีแล้วล่ะ
นี่กระมัง…เหลี่ยมลุงหนวด!

9 ความคิดเห็น:
ประทับใจ
commentสั้นๆแต่ซาบซึ้งมากครับ!
ขออ่านอีกรอบนะครับ ^^
ลองคอมเมนต์ครั้งแรกแล้วไม่สำเร็จ สงสัยจะยาวเกินไปมั้ยเนี่ย เลยลองดูใหม่ สงสัยว่าดอกปีบต้องแบ่งคอมเมนต์ของดอกปีบเป็นท่อนๆแล้วล่ะคะคุณcoHd
....ว้าววววว....คุณ coHd....จะให้พูดว่ายังไงดีล่ะคะ อืมม ..สำหรับบทที่หนึ่ง”เช้าแล้ว” ของเหลี่ยมลุงหนวดเนี่ย คุณทำได้ดีจนคาดไม่ถึงเลยล่ะคะ คือดอกปีบไม่คิดว่าเพียงแค่ “..เช้าแล้ว..”.คุณจะทำให้มันน่าสนใจได้ขนาดนี้ 555
มันสร้างความน่าสนใจตรงที่ บางทีเรื่องเหมือนมีมุมเดียว แต่คุณก็ตีตลบได้หลายมุมมองผ่านตัวละครที่หลากหลายของคุณ แล้วเชื่อมั้ยค่ะว่า มุมมองของแต่ละตัวละครแต่ละตัวกลับมองได้แตกต่างและแนบเนียนสมกับที่คุณปูพื้นอุปนิสัยใจคอของแต่ละคนไว้อย่างดีเยี่ยม ทำให้รู้สึกเหมือนว่าในบางทีในเรื่องเดียวกัน แต่สวมหมวกแห่งความคิดของตัวละครแต่ละตัวที่ต่างกันก็กลับให้ความรู้สึกในด้านนั้นๆได้ชัดในแบบตัวตนของคนๆนั้นและสมจริง ....และนั่นคือสิ่งที่ฉันชอบ..!
ก็คงอย่างที่ลุงหนวดว่า “....ผมชอบคิดในใจเล่นๆว่า บางครั้งที่ผมอ้าปากหาว อาจมีคนทำเช่นเดียวกันกับผม......” นั่นซินะ การทำเช่นเดียวกัน....แต่เค้าจะคิดเช่นเดียวกันรึป่าว? บางทีคนเราก็ดูเหมือนทำอะไรที่เหมือนกัน แต่ก็คิดด้วยมุมมองที่ต่างกัน หรือบางคนก็ดูเหมือนทำอะไรต่างกันมากมาย แต่สุดท้ายเค้ากลับคิดในสิ่งเดียวกัน
ลุงหนวด : “การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากทำ แต่ทำไม่ได้ในการเดินวงรอบการทำงานบนหน้าปัดนาฬิกาชีวิต”
แจ๊กกี้ จ่อย : “การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากแต่ทำไม่ได้หากคิดจะจิบกาแฟสักถ้วย”
เจ๊ตเติ้ล แมน : “การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากแต่ทำไม่ได้หากเช้าที่ปวดฉี่ถูกครอบงำไปด้วยการขี้เกียจลุกไปเข้าห้องน้ำ”
สาว : “การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากแต่ทำไม่ได้หากนอนไม่หลับ”
ลุงขวด: “การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากแต่ทำไม่ได้ในตอนตื่น เพราะนั่นคือชีวิตที่ต้องลืมตามาเพื่อคนที่เราเป็นห่วงเป็นใย”
.....และแม้จะเหมือนว่าเป็นเรื่องเดียวกันที่ต่างมุมมอง แต่เวลาเข้าไปในโลกของแต่ละคน ก็กลับมีมิติอื่นๆให้เราหลงติดตามไปได้อีก นั่นเพิ่มความน่าสนใจให้ดอกปีบได้อีกถึงสองชั้น โดยเฉพาะรูปภาพประกอบค่ะ
....ดอกปีบว่า ภาพวาดประกอบของคุณมันสื่ออารมณ์เข้ากับเรื่องดี ดอกปีบไม่รู้หรอกค่ะว่า รูปภาพมันช่วยสื่ออารมณ์ตามข้อความของเนื้อเรื่อง หรือว่าเนื้อเรื่องช่วยสื่ออารมณ์ขยายความให้แก่รูปภาพนั้นๆ รุ้แต่ว่ารูปภาพที่มีมันสอดคล้องและส่งถึงกันกับข้อความอย่างกลมกลืนพอดิบพอดี
...ดอกปีบไม่ใช่คนวาดรูปเก่งหรอกคะ แต่ชอบตรงที่รู้สึกเหมือนว่าเพียงแค่เงาๆมันก็สื่ออารมณ์ได้ด้วยแฮะ! และอีกอันนึงที่ชอบมากๆค่ะ คุณวาดหนวดแสดงอารมณ์แทนสายตาได้ดีทีเดียว สมแล้วที่เป็นเหลี่ยมลุงหนวด! 555
.......อย่างเช่น แจ๊กกี้ จ่อย ...ดอกปีบชอบรูปประกอบนะคะ ตรงที่เป็นรูปที่แจ๊กกี้ จ่อย ยืนมองแสงแดดในมุมที่ต่างกัน ...เพราะมันชวนให้นึกถึงประโยคที่ว่า ..เพราะดวงอาทิตย์มีความแยบผลที่ทำให้แสงแดดในแต่ละวันไม่ซ้ำกัน เพราะถ้าเช่นนั้นแล้วรูปแสงแดดที่ส่องมาทางหน้าต่างสองรูปที่ดูเหมือนเรียบง่ายนี้ ดอกปีบว่ามันก็แยบยลไม่เบาเลยทีเดียว ดอกปีบมอง2รูปนี้ซ้ำๆอยู่นาน แม้ตอบไม่ได้อย่างแจ๊กกี้ จ่อย ว่าองศาที่หักเหควรจะเป็นเท่าไหร่แน่ (เพราะความรู้ฟิสิกส์อันนี้คืนครูไปนานแล้ว) มุมของแสงในรูปวาดก็ให้รายละเอียดที่เป็นที่น่าสนใจมิใช่น้อย
..........ส่วนคุณเจ๊ตเติ้ล แมน ...อ่านแล้วอมยิ้มค่ะ เพราะเป็นความรู้สึกขัดแย้งที่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ระหว่างการนอนหลับต่อไปกับการตัดใจลุกขึ้นมาฉี่ตอนเช้าทั้งๆที่ยังไม่อยากตื่น แต่โดนใจโคตรๆ เพราะดอกปีบก็เป็นแบบนี้บ่อยมาก 555
..........สำหรับ “สาว” เป็นมุมมองที่อ่านแล้วชอบมากที่สุดค่ะ คือชอบรายละเอียดในการเปรียบเทียบความรู้สึกของ “สาว” เพราะว่า อ่านแล้วแม้ว่าดูเหมือนจะมีปมที่เราไม่อาจเข้าใจ แต่เป็นตัวละครที่บรรยายมุมมองของเค้าได้แบบว่า.. รันทดนิดๆแต่กินใจเป็นที่สุด 555
....
....อ้อ....อีกอย่างนึงค่ะ เกือบลืมไปเลยนะคะเนี่ย จะบอกว่าพออ่านไปจนจบแล้วก็รู้สึกขึ้นได้อีกมุมนึงค่ะ ถ้าลองสังเกตให้ดีๆเนี่ย มันจะบังเอิญไปมั้ยค่ะที่ตัวละครแต่ละตัวของคุณเนี่ย เค้าจะมีประสาทสัมผัสที่โดดเด่นที่สื่ออารมณ์ที่ซึมซับความคิดที่แตกต่างกันไปคนละอย่างพอดี อย่างเช่น
- แจ๊กกี้ จ่อย ...อาจจะเป็นประสาทสัมผัสของ หู – กับการได้ยิน ....... “ผมชอบที่จะฟัง เสียงเป็นวัตถุดิบที่ผมจะไม่ใช้ความทรงจำของการอ่านและการมองมาตัดสิน”
- เจ๊ตเติ้ล แมน ....ก็เป็น ตา – กับการมอง ....... “ผมใช้สายตาเก่งกว่าเรื่องไหนๆ ตาผมไวกว่าความรู้สึกเสียอีกแม้จะใส่แว่นกันแดดนอนก็เถอะ”
- ลุงขวด...ก็เป็น จมูก – กับกลิ่น ......... “มีเพียงจมูกเท่านั้นที่ทำให้ผมรู้สึกกับการใช้ชีวิต เพราะเมื่อผมแก่ลงกลิ่นไม่เคยจางไปจากจมูก”
- ส่วนสาว ...ก็อาจจะเป็น สัมผัสทางกาย – กับsex
- แล้วถ้างั้น ลุงหนวดล่ะค่ะ ใช้โสตประสาทใด? …อาจเป็นความคิด – กับการตั้งคำถาม ...ลุงหนวดเนี่ยดูยากสุด ...สมแล้วที่เป็นเหลี่ยมลุงหนวด
....ลุงหนวดบอกว่า “พับผ่าสิ ผมชอบตั้งคำถามเป็นบ้า!”
ดอกปีบก็คงบอกว่า “พับผ่าสิ ทำไมฉันชอบอ่านและคิดตามลุงหนวดได้ขนาดนี้!” 555
....โอ้วว ....แย่แล้วล่ะคะคุณcoHd …ดอกปีบว่าถ้านี่เป็นการวิจารณ์หนังซักเรื่องนึง เป็นการวิจารณ์ที่สปอยล์หนังมากเกินไปมั้ยเนี่ย ดอกปีบคงจะลงรายละเอียดมากเกินไปใช่มั้ยค่ะ อันที่จริง ดอกปีบควรต้องขึ้นหัวเรื่องก่อนใช่มั้ยค่ะเนี่ย ว่า ....ถ้าใครอยากอ่านเรื่องนี้แล้วได้ความรู้สึกส่วนตัวอาจไม่ควรอ่านคอมเมนต์ดอกปีบก่อน ....เพราะดอกปีบสปอยล์นิทานของคุณ ตามความคิดส่วนตัวไปซะเต็มที่เลย 5555 ......แต่คงไม่ทันแล้วล่ะคะคุณcoHd
....และจริงๆแล้วส่วนที่ชอบที่สุด ก็คือ ชอบความคิดลุงหนวดที่เปิดประเด็นได้เรียบง่าย และปิดท้ายได้โดนใจมากๆค่ะ เพราะเชื่อมั้ยค่ะว่า ตอนอ่านเริ่มเรื่อง ประโยคที่อ่านแล้วโดนใจเหมือนเราเน้นสีไว้ในความคิดของเรา ประโยคที่อ่านแล้วทำให้ฉุกคิดตามนั้น ...ช่างบังเอิญมากๆ ที่มันถูกลุงหนวดดึงมาเอ่ยซ้ำสรุปไว้ตรง2-3ย่อหน้าสุดท้ายตรงด้านท้ายของเรื่องพอดี อ่านจนจบแล้วอมยิ้มค่ะ....เพราะความคิดมันโดนใจ
.....คุณเคยมีอะไรมากมายอยู่ในความคิดเดียวกันไหม อะไรๆเหล่านนั้นที่ทำให้คุณคิดไม่ออกว่า เรื่องไหนควรคิด และเรื่องไหนไม่ควร? .............ใช่ค่ะ ดอกปีบก็คงต้องตอบลุงหนวด ..มีให้คิดแล้วล่ะค่ะ อย่างน้อยก็ตอนที่นั่งอ่านเหลี่ยมลุงหนวดแล้วคิดตามเนี่ยแหละค่ะ ก็อย่างที่คุณว่าแหละ ...นี่กระมัง...เหลื่ยมลุงหนวด!!
สำหรับบทเรียนที่หนึ่งของเหลี่ยมลุงหนวด ดอกปีบชอบมากๆค่ะ ....ดอกปีบไม่ทราบว่าจะชื่นชมด้วยคำไหนดีจึงจะเป็นกำลังใจให้ลุงหนวดเค้ายังคงมีความช่างคิดที่น่าติดตามของเค้าได้อย่างนี้ตลอดไป ....ดอกปีบบอกได้แค่ว่า ....เมื่ออ่านจนจบแล้วประทับใจจนต้องเอ่ยคำชมว่า
".........การนอนหลับ อาจเป็นสิ่งที่เราอยากทำแต่ทำไม่ได้หากยังไม่ได้ตอบคอมเมนต์เหลี่ยมลุงหนวดวันนี้...555..........."
แม๊ะ! คุ้มค่ากับการมานั่งปูเสื่อรออ่านจริงๆ บทต่อๆไปพร้อมเมื่อไหร่ จัดมาเลยคุณcoHd :D
ดอกปีบ
ปล.อ้อ เกือบลืมค่ะ ในเรื่องของ “สาว” อ่านจนถึงใต้รูปที่ว่า “ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร และผ่านอะไรมาบ้าง ต่อบุหรี่เพื่อนสของฉันมีชีวิตก็คงไม่มีทางรู้ฉันดีดบุหรี่ทิ้งด้วยความชำนาญของนิ้วคีบ และเหยียบมันจนดับ…” แล้วก็ดูรูปประกอบไป ...ก็ชวนให้สงสัยว่า ในรูปภาพประกอบในฉาก สาวเป็นตัวละครเดียวที่เธอตื่นมาแล้วท่อนล่างเปลือยเปล่ารองเท้าไม่ใส่(คนอื่นใส่หมด) แต่เธอช่างกล้าดีดบุหรี่ทิ้งและกล้าเหยียบมันจนดับด้วยเท้าเปล่า ....ก็แค่คิดเล่นๆน่ะคะว่า คุณสาวไม่ร้อนที่เท้าบ้างเหรอค่ะ แล้วจะเจ็บเท้ามั้ยค่ะ...5555.... ช่างคิดไปได้ หนอดอกปีบ 555
...จะว่าไปผมก็อ่านจบ หลายรอบแล้ว บอกตรงๆ
ครับ ว่าการอ่านงานของคุณ ในการอ่านแต่ละครั้งมัน
ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป...เอ่อ แปลกดี
...อ่านจบแล้วเหมือนกับดูละคร ที่ต้องรอตอนต่อไป
ลักษณะบุคลิคที่คุณ นำเสนอ เกี่ยวกับการนอนหลับที่
ต่างกันไปในแต่ละคน มันเจ๋งจริงๆ เหมือนกับหลุดเข้า
ไปในมุมมองของคนๆนั้น จริงๆ ชอบครับ...และผม
ร่วมโหวตให้ "แจ๊กกี้จ่อย" ไปเรียบร้อยแล้ว
...ชอบที่แจ๊กกี้เป็นคนที่มีหลากหายมุมมอง เงียบ
ไม่แสดงออก แต่แอบซ่อนความเจ๋งไว้ข้างใน ผมรู้สึก
อย่างนั้นนะ...
อ่านแล้วก็คิดถึงชีวิตตัวเองจังเลยอ่าครับ
แสดงความคิดเห็น